การพ่นสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชฤดูฝน
การพ่นสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืช ให้มีประสิทธิภาพ
- ควรพ่นติดต่อกันเพื่อให้ละอองกระจายตัวสม่ำเสมอ และผู้พ่นสารไม่ควรเดินผ่านแนวพ่น
- ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการพ่นสารเคมี คือ ตอนเช้าและตอนเย็น
- ปัจจัยที่สำคัญในการใช้สารเคมีให้เกิดประโยชน์สูงสุด คือ ปริมาณสารและปริมาณน้ำที่ใช้ในการพ่นต้องถูกต้อง อัตราการผสมสารเคมีเป็นไปตามคำแนะนำเพื่อให้สามารถควบคุมศัตรูพืชได้อย่างมีประสิทธิภาพ เกิดความคุ้มค่าและประหยัดต้นทุน
ก่อนพ่นสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืช
- ต้องทราบชนิดของศัตรูพืช
- ต้องอ่านฉลากสารเคมีอย่างละเอียด และปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด
- ตรวจสอบชิ้นส่วนสำคัญของเครื่องพ่น หากพบชำรุดให้ซ่อมแซมหรือเปลี่ยนส่วนที่ชำรุดทันที
- สำหรับผู้พ่นต้องสวมใส่อุปกรณ์ป้องกัน ได้แก่ แว่นตา หน้ากาก รองเท้าบูทยาง ถึงมือยาง และชุดป้องกันสารเคมี เพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสสารเคมีและป้องกันสารเคมีเข้าสู่ร่างกาย
การปฏิบัติขณะพ่นสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืช
- ผู้พ่นควรอยู่เหนือลม โดยพ่นจากแถวของพืชปลูกที่อยู่ทิศใต้ลมไปเหนือลม
- ควรพ่นสารเคมีขณะที่อุณหภูมิต่ำ เช่น ในตอนเช้าหรือตอนเย็นก่อนพลบค่ำ
ไม่พ่นขณะฝนตก หรือมีแนวโน้มที่ฝนจะตก หากฝนตกหลังจากพ่นสารเคมี ภายใน 15 นาที ต้องทำการพ่นสารเคมีใหม่อีกครั้ง
การปฏิบัติหลังพ่นสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืช
- ทำความสะอาดอุปกรณ์เครื่องพ่นในบริเวณห่างไกลจากแหล่งน้ำหรือพื้นที่เลี้ยงสัตว์
- เสื้อผ้าที่ใช้สวมใส่ขณะพ่น ต้องแยกซุกต่างหากจากเสื้อผ้าอื่น
- บรรจุภัณฑ์ของสารเคมีที่หมดแล้ว ควรล้าง 3 ครั้ง ก่อนทำลายโดนฝังกลบให้ห่างจากแหล่งน้ำ
ที่มา : กรมวิชาการเกษตร เรียบเรียง : กลุ่มส่งเสริมการจัดการสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืช กองส่งเสริมการอารักขาพืชและจัดการดินปุ๋ย