แนวทางการปฏิบัติหลังน้ำท่วมมะพร้าว
แนวทางการฟื้นฟูต้นมะพร้าวมีหลายวิธี เช่น การปรับสภาพแวดล้อมหลังน้ำท่วม การใส่ปุ๋ยบำรุง การใช้ปุ๋ยอินทรีย์และสารปรับปรุงดิน การป้องกันกำจัดศัตรูพืช และการดูแลให้น้ำอย่างเหมาะสม
- การจัดการพื้นที่
- ระบายน้ำออกจากพื้นที่โดยเร็วที่สุด และปล่อยให้ดินแห้งอย่างน้อย 2 วัน
- กำจัดโคลนที่ทับถมออก
- ตัดแต่งกิ่งที่เสียหาย ปลิดผลหรือดอกที่ไม่สมบูรณ์
- พยุงต้นมะพร้าวเพื่อป้องกันการล้ม
- การปรับปรุงและบำรุงดิน
- ปรับสภาพดินให้เป็นด่างด้วยการใส่ปูนขาวหรือไไดโลไมต์ 0.5-1 กก./ต้น
- ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักในหลุมหรือรางที่ขุดรอบโคนต้น เพื่อเพิ่มสารอาหารและช่วยให้ดินร่วนซุย
- คลุมดินรอบโคนต้นด้วยฟางหรือใบไม้เพื่อรักษาความชื้นและลดวัชพืช
- ปรับโครงสร้างดินด้วยการผสมแกลบดำหรือแกลบหมักลงในดินเพื่อช่วยให้ดินร่วนซุย
- ทำน้ำหมักจากมะพร้าวเพื่อใช้รดต้นไม้ ช่วยเพิ่มจุลินทรีย์และสารอาหารให้ดิน
- ควรตรวจวิเคราะห์ pH ดินและน้ำ สารพิษ และสารโลหะหนักที่อาจตกค้าง
- การบำรุงต้นและการให้ปุ๋ย
- ให้ปุ๋ยทางใบเพื่อเพิ่มความสมบูรณ์ให้ต้น
- ปุ๋ยสูตรต่าง ๆ
- ปุ๋ยบำรุงต้น ใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 หรือ 15-14-16 ปริมาณ 1.5-3 กก./ต้น/ปี แบ่งใส่ 3-4 ครั้ง
- ปุ๋ยบำรุงผลผลิต ใส่ปุ๋ยสูตร 15-5-20 หรือ 15-3-21 หรือ 15-5-25 หรือ 12-6-24 ปริมาณ 1.5-3 กก./ต้น/ปี แบ่งใส่ 3-4 ครั้ง
- ปุ๋ยสำหรับต้นใหม่ ใส่ปุ๋ยสูตร 25-7-7 ประมาณ 100 กรัม/ต้น/เดือน เพื่อบำรุงต้นในระยะแรก
- ปุ๋ยน้ำ 12-12-12 หรือ ปุ๋ยเกล็ด 20-20-20/21-21-21
- น้ำตาลเด็กซ์โตรส 600 กรัม
- ฮิวมิคแอซิด 20 ซีซี/น้ำ 20 ลิตร
- สารจับใบ + สารป้องกันและกำจัดโรค/แมลง ฉีดพ่นทุก 3 วัน จนกระทั่งแตกใบอ่อนและเพสลาด
- ใส่ไตรโคเดอม่า ราด/ขยายปุ๋ย หมัก 3-5 กก./ต้น
- ปุ๋ยหมักขยายเชื้อ พด. 3 จำนวน 3.5 กก./ต้น
- การป้องกันกำจัดศัตรูพืช
- ใช้สารชีวภาพ โดยการทำน้ำหมักสมุุนไพร เช่น ข่า สะเดา พริก หรือใบบมะกรูดเพื่อไล่แมลงศัตรูพืช
- ควบคุมโรค ป้องกันโรคจากความชื้นโดยหลีกเลี่ยงการให้น้ำขังบริเวณราก
- กรณีรากเน่าโคนเน่า เชื้อราพิเทียม ไฟทอปธอรา ใช้เห็ดเรืองแสงสิรินรัศมี/เมตาแลกซิล/ฟอสอีทิล อะลูมิเนียม 100 กรัม/น้ำ 1 ลิตร
- กรณีโรคเน่าโคนเน่า เชื้อราฟูซาเรียม/ไรซ็อกโทเนีย/สเครอโรเทียม ราดสารเคมีพีซีเอ็นบีหรือเทอร์ราคลอร์ 50-60 มิลลิลิตร/น้ำ 1 ลิตร
- หากพบปัญหาศัตรูพืชหรือโรคพืช ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
- การให้น้ำ
- ให้น้ำอย่างสม่ำเสมอและเพียงพอ โดยเฉพาะในปีแรกอาจให้น้ำสัปดาห์ละครั้ง และเมื่อต้นโตขึ้นอาจให้น้ำทุก 2 สัปดาห์
- ควบคุมปริมาณน้ำ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าน้ำไม่ขังที่โคนต้นเพื่อป้องกันโรค
ศูนย์ประมวลวิเคราะห์สถานการณ์ภัยพิบัติด้านพืช กรมส่งเสริมการเกษตร
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม : สำนักงานเกษตรจังหวัด และสำนักงานเกษตรอำเภอใกล้บ้านท่าน